... กาลครั้งหนึ่งในป่าใหญ่ มีสัตว์อาศัยอยู่รวมกัน 10 ชนิด รวมไปถึง เจ้ากระต่ายผู้ปราดเปรียว และเต่าน้อยผู้เชื่องช้าอีกด้วย .. วันดีคืนดี เจ้ากระต่าย และเจ้าเต่า เกิดถกเถียงกันว่าใครเดินทางได้เร็วกว่ากัน? .. ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่งขัน โดยมีการกำหนดเส้นทางวิ่งแล้วก็เริ่มการแข่งขัน .. "ปี๊ดดด" เมื่อสัญญาณเริ่มวิ่งดังขึ้น เจ้ากระต่ายก็รีบวิ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เจ้าเต่าน้อยค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ .. ผ่านไปสักพัก .. เจ้ากระต่ายน้อยนำโด่งมาไกล ก็เลยชะล่าใจ คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้ซักกะแป๊บนึงก่อนแข่งต่อก็คงไม่เป็นไร .. เวลาก็ผ่านไปแล้ว ผ่านไปเล่า จนกระต่ายน้อยสะดุ้งตื่น .. เจ้ากระต่ายน้อยตาลีตาลานมองหาเจ้าเต่าว่าอยู่ที่ไหน แต่ทุกอย่างมันก็สายไปแล้ว เพราะตอนนี้เจ้าเต่าค่อยๆ คลานเข้าเส้นชัยไปอย่างช้าๆ ...
... ประเทศไทย ไม่ได้แตกต่างอะไรกับเจ้ากระต่ายผู้ปราดเปรียวนัก เพราะมัวแต่ทะนงตนอยู่ในฐานะของผู้นำของประชาคมอาเซียน และเป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of South East AsianNations หรือ ASEAN) ขึ้น แต่อย่าลืมว่า ในขณะที่เรากำลังนิ่งนอนใจกับความพร้อม และศักยภาพของเราเท่าที่มีอยู่นี้ ประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลายในประชาคมอาเซียนกำลังเร่งพัฒนา ปรับจุดอ่อน เสริมจุดแข็งของตนเอง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ภาษา และวัฒนธรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของตนเอง และ เมื่อเรามองในมุมของการศึกษาไทยที่จะได้รับผลกระทบเมื่อมีการรวมกลุ่มประเทศอาเซียนกันอย่างเป็นทางการแล้วนั้น พบว่า จุดแข็งของไทยเรายังคงเป็นเรื่องของ บุคลากร เนื้อหาทางวิชาการ มาตราฐานของสถาบันทางการศึกษา และทำเลที่ตั้งของไทยในภูมิภาคอาเซียน โดยที่จุดอ่อนทางการศึกษาที่เห็นได้ชัดเจนนั่นคือ ความรู้ทางด้านภาษา และตัวลักษณะนิสัยของเด็กไทย ...
... หากเรายังคงยึดอยู่ในความเป็นผู้นำ ไม่ยอมมองออกไปดูรอบๆ ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริงว่า ทุกประเทศเตรียมพร้อมเข้าสู่อาเซียน และก้าวไปไกลกว่าประเทศไทยแค่ไหน ประเทศของเราคงไม่ต่างอะไรกับ เจ้ากระต่ายน้อย ที่นอนรอ เพียงเพราะชะล่าใจว่า ยังไงเส้นชัยก็อยู่ข้างหน้า ...
เข้าใจจนเห็นภาพเรย !!! ดีมว๊ากกกก
ตอบลบ